ดีเอสไอยังไม่เชื่อ “พระธัมมชโย” ใช้โทรศัพท์เอง สั่งปรับแผนรับมือศิษย์ใช้พระเป็นด่านหน้า | Windows Phones-OS ชุมชนผู้ใช้งานวินโดส์โฟน

ดีเอสไอยังไม่เชื่อ “พระธัมมชโย” ใช้โทรศัพท์เอง สั่งปรับแผนรับมือศิษย์ใช้พระเป็นด่านหน้า


  MGR Online - ผบช.ภ.1 ต้องปรับแผนรับมือหลังศิษย์ใช้พระลูกวัดมาเป็นด่านหน้า ชี้ แจ้งข้อหาย้อนหลังกลุ่มพระยึดตลาดกลางคลองหลวง ดีเอสไอขอตรวจสอบเรื่องสัญญาณโทรศัพท์ “พระธัมมชโย” เชื่อไม่น่าใช้จริง ระบุการค้นวัดพระธรรมกายช่วงแรกถูกปิดบังบางพื้นที่ หากมีผู้ป่วยควรออกมารักษานอกวัด เจ้าหน้าที่พร้อมดูแล
       
       วันนี้ (25 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด.ภ.1) พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.1 เปิดเผยกรณีพบสัญญาณโทรศัพท์ส่วนตัว พระธัมมชโย ภายในวัดพระธรรมกาย ว่า ยังไม่ได้รับรายงาน หรือมีข้อมูลว่าพบสัญญาณโทรศัพท์ของพระธัมมชโย เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้การทำงานของเจ้าหน้าที่ยังยืนยันว่าจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายในการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย
       
       “ยอมรับว่า เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องมีการทบทวนแผนการปฏิบัติงาน เพราะพบว่าอุปสรรคสำคัญคือ การนำพระและลูกศิษย์เข้ามาเป็นด่านหน้า และ ยืนยันว่า ให้ทุกหน่วยเฝ้าระวังหลังพบว่ามีกลุ่มพระสงฆ์หลายจังหวัดเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 44 ส่วนกลุ่มพระสงฆ์และลูกศิษย์ที่รวมตัวอยู่ตลาดกลางคลองหลวง เจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีย้อนหลัง”


  ด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า เรื่องพบสัญญาณโทรศัพท์พระธัมมชโยนั้น เรื่องดังกล่าวจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ส่วนตัวเชื่อว่า พระธัมมชโย และบุคคลใกล้ชิดจะไม่ใช้โทรศัพท์มือถือให้เจ้าหน้าที่หาพิกัดพบแน่นอน ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ตัดสัญญาณโทรศัพท์แล้ว กลุ่มพระและศิษย์จะหันมาใช้โปรแกรม “Fire Chat” แอปพลิเคชันสนทนาที่ไม่ต้องพึ่งสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่ข้อเสียคือ ไม่สามารถสนทนาแบบส่วนตัวได้ เพราะต้องสร้างกลุ่มขึ้นมา ประกอบกับคนที่สนทนาต้องอยู่ใกล้ๆ กัน เนื่องจากใช้สัญญาณบลูทูธ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่า ภายในวัดพระธรรมกายยังใช้ช่องทางอื่นๆ ในการสื่อสารกัน เช่น โทรศัพท์พื้นฐาน หรือ วิทยุสื่อสาร
       
       “การเข้าค้นวัดพระธรรมกายในช่วงแรกๆ นั้น วัดพระธรรมกายได้ให้ตรวจค้นเฉพาะบางจุดที่ทางวัดยินยอมเท่านั้น เจ้าหน้าที่มองว่าเป็นเหมือนการพาเจ้าหน้าที่เข้าเยี่ยมชมภายในวัดเท่านั้น ไม่ใช่การตรวจค้นอย่างที่เจ้าหน้าที่ต้องการ เพราะทางวัดอ้างเหตุผลต่างๆ ในการไม่ให้เข้าค้นบางจุด ทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปิดพื้นที่ เพื่อเข้าตรวจค้นอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้หมดข้อสงสัย แต่ขณะนี้วัดพระธรรมกายก็ยังไม่ยอมให้ค้นอีก” พ.ต.ต.วรณัน กล่าว 


  จากนั้น เวลา 12.00 น. บริเวณประตู 7 พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 เปิดเผยกรณีการนำอาหารเข้าไปภายในวัดพระธรรมกาย ว่า ตามหลักความจริงนั้นไม่สามารถนำเข้าไปได้ เพราะเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษตาม ม.44 แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้อะลุ้มอล่วยไม่อยากให้เกิดปัญหา โดยจะมีดีเอสไอและพระสงฆ์ ร่วมกันพิจารณา ทั้งนี้ การที่มวลชนนำอาหารจำนวนมากมาไว้ที่ประตู 7 นั้น ยังไม่จำเป็นต้องมีการเสริมกำลัง แต่ได้เฝ้าระวังไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าพื้นที่ภายในเด็ดขาด และหากมีการนำอาหารเข้าไปอีกอาจต้องมีกำหนดเวลาเข้าออกต่อไป
       
       พล.ต.ต.สมบัติ กล่าวอีกว่า ส่วนการจะนำยารักษาโรคเข้าไปในวันพรุ่งนี้ (26 ก.พ.) ต้องพิจารณาว่าใครเป็นคนร้องขอ แต่หากมีคนป่วยจริงอยากให้นำออกมาข้างนอก เพราะมีรถพยาบาลเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว ซึ่งไม่อยากให้นำประเด็นนี้มาเป็นเงื่อนไข รวมถึงยังไม่ได้รับรายงานว่า ภายในมีผู้ป่วยกี่ราย เพราะไม่มีการร้องขอมา อย่างไรก็ตาม ตำรวจมีหน้าควบคุมบุคคลไม่ให้เข้าไปภายในวัดเท่านั้น 
cr.http://www.manager.co.th



Share on Google Plus

About test

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น